ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
การค้าระหว่างจีน-อาเซียนพัฒนารวดเร็ว
ปี 2011
เป็นวาระครบรอบ 20 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์คู่เจรจาจีน-อาเซียน
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
จีนในฐานะประเทศนอกภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เป็นประเทศแรกที่ได้เข้าร่วม
สนธิสัญญาไมตรี และความร่วมมือในภูมิภาคเอชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นประเทศแรกที่ได้สร้างความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับอาเซียน
เป็นประเทศแรกที่ได้สร้างเขตการค้าเสรีกับอาเซียน
นอกจากนี้ยังเป็นประเทศแรกที่ลงนามในพิธีสารต่อท้ายสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่อย่างมีประสทิธิผล
จากนี้จะเห็นได้ว่า เมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศอื่น
ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียนเป็นความสัมพันธ์ที่มุ่งสู่ความเป็นจริงมากที่สุด
มีขอบเขตกว้างขวางที่สุด และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
สาเหตุที่จีน-อาเซียนประสบความสำเร็จมากถึงขนาดนี้เป็นผลจากความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กันในสถานการณ์ใหม่
โดย ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
และการค้าเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายให้คืบหน้า
และประสบความสำเร็จมาก
ประการแรก มูลค่าการค้าระหว่างจีน-อาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
การค้าระหว่างจีน-อาเซียนขยายตัวเฉลี่ยปีละ 20% มูลค่าการค้าระหว่างจีน-อาเซียนในปี
1991 มีเพียง 7,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
แต่ในปี 2010 เพิ่มขึ้นถึง 292,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ช่วงเดือนมกราคมถึงตุลาคมของปี 2011 มูลค่าการค้าระหว่างสองฝ่ายสูงถึง
295,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2010
ขยายตัว 25.7% คาดว่ามูลค่าการค้าทั้งปี 2011
จะมากกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งคิดเป็น 40 เท่าของมูลค่าการค้าในปี 1991 จากนี้จะเห็นได้ว่า จีนและอาเซียนต่างเป็นคู่ค้าสำคัญของอีกฝ่ายหนึ่ง
มูลค่าการค้าระหว่างจีน-อาเซียนมีอัตราส่วนในการค้าต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นจาก 5.9%
ในปี 1991 มาเป็น 9.8% ในปี
2010 ปัจจุบัน จีนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับหนึ่งของอาเซียน
ส่วนอาเซียนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับ 3 ของจีน โครงสร้างการค้าระหว่างสองฝ่ายก็ได้รับการปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปีหลังๆ นี้
สินค้าระหว่างสองฝ่ายได้เปลี่ยนจากสินค้าเบื้องต้นมาเป็นสินค้าอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้านิวไฮเทคในการค้าระหว่างกันมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทุกปี
การนำเข้าส่งออกเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าระหว่างจีน-อาเซียน ในปี 2010มีมูลค่ากว่า 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1
ใน 3 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดระหว่างสองฝ่าย
ประการที่ 2 การลงทุนระหว่างจีน-อาเซียนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ประเทศอาเซียนเป็นแหล่งทุนต่างชาติที่สำคัญของจีน
ขณะที่อาเซียนเป็นแหล่งเป้าหมายการลงทุนที่สำคัญที่สุดของบริษัทจีน เมื่อปี 2010
อาเซียนลงทุนในจีนมูลค่า 6,320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพิ่มขึ้น 35.2% เมื่อเทียบกับปี 2009 ส่วนจีนลงทุนในอาเซียนมูลค่า
2,570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12 % เมื่อเทียบกับปี 2009 ปัจจุบัน
จีนเป็นแหล่งเงินทุนจากต่างชาติที่สำคัญที่สุดของพม่า กัมพูชา และลาว
ส่วนการลงทุนของจีนในไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์
และบรูไนก็จัดอยู่ในอันดับแนวหน้าของประเทศดังกล่าว รัฐบาลจีนยังรับปากว่า
จะสร้างเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในแต่ละประเทศอาเซียน
เพื่อเพิ่มการลงทุนของบริษัทจีนในประเทศอาเซียน ยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
และการค้าระหว่างสองฝ่ายให้สูงขึ้น เพิ่มการถ่ายโอนเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที
พัฒนาทักษะการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมประเทศอาเซียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ประการที่ 3 ได้สร้างเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนรอบด้านขึ้นเมื่อวันที่
1 มกราคมปี 2010 เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนมีประชากร
1,900 ล้านคน ผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงถึง 6,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการค้าต่างประเทศมีกว่า 4,500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 4,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การสร้างเขตการค้าเสรีดังกล่าวขึ้นได้ส่งเสริมการพัฒนาการค้า
การลงทุนระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน
ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้มีการรวมตัวกันในระดับลึกยิ่งขึ้น นอกจากนี้
ได้บรรลุเป้าหมายที่จะเอื้อประโยชน์แก่กัน ได้ชัยชนะร่วมกัน และมีการพัฒนาร่วมกัน
เมื่อปี 2011 มีการจัดตั้งศูนย์กลางจีน-อาเซียน
โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะขยายการค้า การลงทุนระหว่างกันภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน
เพิ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างบริษัทและภาคเอกชนของทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
จีนได้ให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ในรูปแบบต่างๆ แก่ประเทศอาเซียน
โดยได้ช่วยประเทศอาเซียนดำเนินโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน
และโครงการสาธารณะประโยชน์ทางสังคมรวมทั้งสิ้นกว่า 400 โครงการ
ช่วยอบรมบุคลากรด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ การเงิน การเกษตร สารสนเทศ การสื่อสาร
การคมนาคม การท่องเที่ยวกว่า 9,000 คน
ซึ่งได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศอาเซียน